ดีบีเอส ช่วยลดอาการเคลื่อนไหวผิดปกติในโรคพาร์กินสันได้ เช่น อาการสั่น อาการแข็งเกร็ง และอาการเคลื่อนไหวช้า โดยลดได้มากกว่าการรักษาด้วยยาเพียงอย่างเดียว
ประโยชน์ของการรักษาด้วยการผ่าตัดแบบดีบีเอสมีดังนี้
ดีบีเอส ช่วยทำให้ผู้ป่วยควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น เพิ่มช่วงเวลาที่ยาออกฤทธิ์ มีการเคลื่อนไหวที่ดีโดยไม่มีอาการยุกยิก เพิ่มขึ้นถึง 5 ชั่วโมงต่อวัน
การรักษาด้วยการผ่าตัดดีบีเอสสามารถช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษาด้วยยาได้ เช่น อาการยุกยิกและการตอบสนองต่อยาที่ไม่สม่ำเสมอในช่วงที่ยา “ออกฤทธิ์” และ “หมดฤทธิ์”
ดีบีเอส สามารถลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษาด้วยยาได้ระหว่าง 37% ถึง 61% เมื่อเทียบกับการใช้ยาอย่างเดียว
ผู้ป่วยโรคพาร์กินสันส่วนใหญ่ต้องรับประทานยาหลายชนิดในปริมาณที่แตกต่างกันไป การคอยจำว่ารับประทานยาตัวไหนไปแล้วบ้างอาจเป็นเรื่องยาก หลายคนต้องเพิ่มปริมาณยาและความถี่เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ดีเหมือนเคย
การรักษาด้วยการผ่าตัดดีบีเอส ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น 13% – 26% เมื่อเทียบกับคุณภาพชีวิตก่อนทำดีบีเอส** คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในที่นี้ ได้แก่ รู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้น รู้สึกกังวลน้อยลงเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ขยับร่างกายได้ง่ายกว่าเดิม และมีอาการไม่สบายเนื้อสบายตัวน้อยลง ในขณะที่กลุ่มผู้ป่วยในงานวิจัยเดียวกันที่รักษาด้วยยาอย่างเต็มที่ (Best Medical Therapy) เพียงอย่างเดียวไม่ทำดีบีเอสด้วยนั้น พบว่าไม่มีการพัฒนาของคุณภาพชีวิตเมื่อเทียบกับค่าเริ่มต้น
การรักษาด้วยการผ่าตัดดีบีเอส ช่วยให้ผู้ป่วยกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ง่ายขึ้น เช่น เขียนตัวหนังสือได้ดีกว่าเดิม ดื่มน้ำ แต่งตัว และอาบน้ำได้เอง เป็นต้น
ดีบีเอส สามารถปรับเพิ่ม-ลดค่าการกระตุ้นของเครื่องให้เหมาะกับอาการของผู้ป่วยได้ โดยใช้อุปกรณ์ปรับจากภายนอกร่างกาย
ดีบีเอส สามารถปิดระบบการทำงาน หรือผ่าตัดนำอุปกรณ์ออกได้เมื่อผู้ป่วยต้องการ เพื่อสามารถเลือกรับการรักษาด้วยวิธีอื่นได้ในอนาคต
ดีบีเอสทำงาน 24 ชั่วโมงตลอดทั้งวัน มีขั้นตอนการดูแลรักษาน้อยและไม่ยุ่งยาก ผู้ป่วยไม่ต้องถอดอุปกรณ์ดีบีเอสออกในตอนกลางคืนเหมือนการใช้เครื่องปั๊มยาภายนอกร่างกาย และไม่ต้องทำความสะอาด เติมยา หรือดูแลรักษาหลังตื่นนอนตอนเช้า